ปริศนาและความลี้ลับของเทือกเขาหิมาลัย

ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับภูเขาหิมาลัย โครงกระดูกปริศนาบนเทือกเขาหิมาลัย มีการพบเห็นจานบิน UFO และมนุษย์ต่างดาวบนเทือกเขาหิมาลัย

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภูเขาหิมาลัย

ถ้าพูดถึงชื่อเทือกเขาหิมาลัยน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักหรือเคยได้ยิน เทือกเขาหิมาลัย คือ เทือกเขาที่เกิดจากการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกที่มีความยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 5 ประเทศโดยจะมียอดเขาที่สูงที่สุดในโลกกว่า 50 ภูเขาที่ซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้หลายจุดและหนึ่งในนั้นก็คือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังถูกยกให้เป็นขั้วโลกแห่งที่ 3 เนื่องจากมีหิมะและน้ำแข็งมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก 

คุณรู้หรือไม่ว่าเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้มีความลึกลับและตำนานอยู่มากมาย ที่สร้างความข้องใจให้กับผู้คนและนักวิทยาศาสตร์อยู่หลายประการแต่เรื่องราวเหล่านั้นนักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันก็ยังคงหาคำตอบและคำอธิบายไม่ได้

โครงกระดูกปริศนาบนเทือกเขาหิมาลัย

บนยอดเขาอันสูงชันของเทือกเขาหิมาลัยฝั่งอินเดียมีทะเลสาบลึกลับแห่งหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจากบรรยากาศที่หนาวเหน็บและมีโครงกระดูกมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เบื้องล่าง มันมีชื่อว่า ทะเลสาบ รุพคันด์ (Roop kund)​ ที่ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 5029 เมตรและมักจะมีสภาพน้ำเป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปีจะทำให้สามารถมองเห็นโครงกระดูกปริศนาเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อน้ำแข็งเหล่านี้ละลายกลายเป็นน้ำเท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พวกเขาพบว่ากระดูกที่ยังมีชิ้นเนื้อติดอยู่บางชิ้นเหล่านี้ น่าจะเป็นกระดูกของมนุษย์ประมาณ 800 ชีวิต 

อีกทั้งพวกเขายังมั่นใจอีกว่าเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้เสียชีวิตพร้อมกันเนื่องจากความเก่าแก่ของกระดูกแต่ละชิ้นมีความเก่าแก่ที่ต่างกันกว่า 1000 ปีซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็พยายามตั้งข้อสันนิษฐานว่าเจ้าของโครงกระดูกที่มากมายเหล่านี้เป็นของใคร อย่างเช่นข้อสันนิษฐานชีวากระดูกเหล่านี้น่าจะเป็นของเหล่าอดีตกษัตริย์และพระมเหสีอินเดียที่หายตัวไปพร้อมกับข้าราชบริพารเมื่อประมาณ 870 ปีก่อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นโครงกระดูกของเราอาหารอินเดียที่รุกบุกดินแดนทิเบต ปี 1871 ก่อนที่จะพ่ายแพ้และใช้เส้นทางนี้เดินกลับบ้าน แล้วเกิดล้มตายในระหว่างการเดินทางด้วยอากาศที่หนาวเหน็บและอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือกระดูกจำนวนมากเหล่านี้อาจจะเป็นของกลุ่มนักแสวงบุญที่เสียชีวิตหมู่ระหว่างการเดินทางซึ่งในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงเดินหน้าค้นคว้าเพื่อหาคำตอบต่อไปและเหตุใดจึงมานอนก้นอยู่ที่เบื้องล่างทะเลสาบแห่งนี้กันแน่

สัตว์ประหลาดบนเทือกเขาหิมาลัย เยติ (ํYeti)

นอกจากเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้จะถูกยกให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์​ที่ชาวอินเดียต่างพากันศรัทธาเลื่อมใสแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังถูกตั้งข้อสงสัยจากชาว เชอร์ปาชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย และนักสำรวจจากทั่วทุกมุมโลกว่าอาจจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ผสมกับลิงและมีนิสัยชอบทำร้ายสัตว์อย่างจามรีนั่นก็คือ เยติ (Yeti) ​เรื่องราวของสัตว์ประหลาดชนิดนี้ได้ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของชาวเชอร์ปามาอย่างช้านานไม่ว่าจะเป็นการเล่าต่อกันมาจากนิทานและเพลงพื้นบ้านเรื่องราวของเยติได้กลายเป็นที่สนใจ ของชาวตะวันตกเริ่มมีการตามล่าและค้นคว้าเกี่ยวกับเยติเขาก็ได้พบกับหลักฐานการมีอยู่ของเยติมากมายไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าหรือขน รวมไปถึงประจักษ์พยานที่เคยได้พบเห็นที่ส่วนมากจะเป็นนักปีนเขาถึงหลักฐานส่วนใหญ่มักจะเป็นถ่ายอย่างเช่นรูปภายในปี 1832 ของ เอที ฮอตสัน หรือจะเป็นรูปถ่ายรอยเท้าขนาดใหญ่ของนักสำรวจชาวอังกฤษ​ที่มียศทหารระดับนายพัน และหลักฐานล่าสุดที่ถูกถ่ายได้โดยทีมปีนเขาของกองทัพอินเดียจึงทำให้เรื่องราวของเยติเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาว่าสัตว์ประหลาดชนิดนี้มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่

พบเห็นจานบิน UFO และมนุษย์ต่างดาวบนเทือกเขาหิมาลัยบ่อยครั้ง

ไม่ใช่แค่เรื่องราวของสัตว์ประหลาดเยติเท่านั้นที่เป็นที่กล่าวขานถึงสถานที่แห่งนี้ ยังมีเรื่องราวของการพบเห็นยาน UFO หลายรูปทรง ก็ถูกพูดถึงและถกเถียงกันอย่างมากและมีการพบเห็นหลายเหตุการณ์เช่นกันเนื่องจากมีนักปีนเขาและชาวพื้นเมืองหลายคนต่างเคยเห็นวัตถุบินลึกลับบินผ่านเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกนักล่าและนักสำรวจ UFO จากทั่วทุกมุมโลกสันนิษฐาน​ว่าอาจจะมีฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวที่กำลังซุกซ่อนอยู่ใต้ภูเขาลูกใดลูกหนึ่ง อีกทั้งในบริเวณเทือกเขาหิมาลัยเคยมีนักล่า UFO ค้นพบวัตถุแปลกประหลาดมากมายที่ถูกเชื่อมโยงไปยังมนุษย์ต่างดาว จึงทำให้เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่ปรากฏตัวขึ้นในแถบเทือกเขาหิมาลัยและอีกหลายสถานที่ในทั่วทุกมุมโลกยังกลายเป็นเรื่องที่รอคอยการพิสูจน์ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขานั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?

ความคิดเห็น