ประโยชน์ล้านแปดของชาเขียว

สรรพคุณและประโยชน์ของชาเขียว และข้อควรระวังในการบริโภคชาเขียว

สรรพคุณและประโยชน์ของชาเขียว

ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมเพราะนอกจากจะให้รสชาติอร่อยแล้ว ยังมีความหอมกลุ่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ว่าการดื่มชาเขียวก็มีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพและป้องมาพร้อมกับโทษเช่นเดียวกับเครื่องอื่น วันนี้เรามีเกล็ดสาระน่ารู้เกี่ยวกับชาเขียวมาฝากกันครับ ชาเขียวมีฤทธิ์บำรุงสุขภาพด้านต่าง ๆ ซึ่งก็มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าชาเขียวนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย

1.ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี มีงานวิจัยที่ระบุว่าสารคาเทชินมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมัน ซึ่งสารนี้พบได้มากที่สุดในชาเขียว และชาเขียวยังมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย 

2. มีหน่วยงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ชาเขียวมีฤทธิ์ในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้อีกด้วย 

3. สารทาเคชินช่วยยับยั้งการอักเสบและช่วยสร้างเส้นใยในตับนอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งการเกิดไขมันพอกตับเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลามมาที่ตับทั้งยังมี แอล-ธีอะนีน ที่ส่วนช่วยในการลดอนุมูลอิสระทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดน้อยลงอีกด้วย

4. สารโพลิฟีนอลในชาเขียวช่วยยับยั้งการสลายของกระดูกที่ เซลล์ออสติโอคลาสท์ นอกจากนี้สาร egcg ยังช่วยเพิ่มมวลกระดูกและยับยั้งการเจริญของเซลล์สลายกระดูกออสติโอคลาสท์อีกด้วย

ข้อควรระวังในการบริโภคชาเขียว

ไม่ว่าชาเขียวจะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะในแง่ของการป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งรวมถึงประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย แต่หากรับประทานมากเกินไปหรือใช้ไม่ถูกวิธีชาเขียวก็สามารถให้โทษต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งผลเสียที่อาจจะเกิดจากการบริโภคชาเขียว ได้แก่ 

1. การรับประทานชาเขียวในระหว่างตั้งครรภ์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งโลกคนท้องจึงควรหลีกเลี่ยงชาเขียวและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้งหลาย เช่น กาแฟชาและโกโก้

2. การรับประทาน​ชาเขียวมากเกินไปในขณะให้นมบุตรอาจทำให้คาเฟอีน​ในชาเขียวส่งผ่านไปยังเด็กทางน้ำนม ซึ่งการได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้ โดยมีคำแนะนำว่า คุณแม่ที่ให้นมบุตรไม่ควรดื่มชาเขียวเกินวันละ 2 แก้ว 

3. คนที่เป็นโรคหัวใจควรระมัดระวังในการดื่มชาเขียวเพราะคาเฟอีนสามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ 

4. สารแทนนิน (Tannin) ​ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดรสขมในชาเขียวสามารถยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กในอาหารได้จึงเพิ่มความเสี่ยงของภาวะขาดธาตุเหล็กซึ่งจะทำให้เกิดโรคโลหิตจางตามมา

5. เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่าชาเขียวสามารถรักษาและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้จึงทำให้คนที่เป็นมะเร็งนิยมดื่มชาเขียวกันมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสารโพลีฟีนอล ซึ่งพบได้มากในชาเขียวก็สามารถทำปฏิกิริยากับยารักษามะเร็งทำให้ยาตีกันได้ นอกจากนี้ วิตามินเคที่พบมากในชาเขียวอาจทำให้ฤทธิ์​ละลายลิ่มเลือดของยาลดลง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะในหลอดเลือดสมองและหัวใจ ดังนั้น ก่อนรับประทานชาเขียวและสมุนไพรอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรด้วย 

6. มีความเชื่อว่าการดื่มชาเขียวในขณะท้องว่างจะสามารถช่วยเติมเต็มสารอาหารที่ควรได้จากอาหาร แต่ความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องเพราะจากการทดลองในหนูทดลอง พบว่าหนูที่ดื่มชาเขียวในขณะท้องว่างทำให้เกิดพิษต่อตับไตและระบบทางเดินอาหาร แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์โดยตรง

ความคิดเห็น